บทความของเรา
บทความดีๆเรื่องกราฟฟิก ผู้ประกอบการ องค์กรต่างๆสุดพิเศษที่เรานำเสนอไว้เพื่อคุณ
Resolution ของภาพที่เหมาะสมกับสิ่งพิมพ์แต่ละประเภท
การเตรียมไฟล์งานเพื่อส่งพิมพ์ ควรตรวจสอบรายละเอียดของงานให้ครบถ้วนก่อนเพื่อความเรียบร้อยและรวดเร็วสามารถพิมพ์งานออกมาสวยงาม คมชัด และได้สเปกตามต้องการ ความละเอียดของภาพกราฟิกหรือ Resolutionในงานสื่อสิ่งพิมพ์เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย ซึ่งต้องใช้ไฟล์ที่มีความละเอียดสูงทำให้ภาพไม่แตก ออกมาคมชัด ความละเอียดของไฟล์ภาพมีหน่วยวัดเป็น dots per inch (DPI) หรือ pixels per inch (PPI) หากตัวเลขความละเอียดมาก ภาพจะมีความคมชัดมากขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกล้องที่ใช้ด้วย
สิ่งพิมพ์แต่ละชนิดใช้ความละเอียดไม่เท่ากัน มีคำแนะนำดังต่อไปนี้
- ความละเอียด 150 dpi หมายถึง มีจำนวนจุดในการพิมพ์ 150 จุดต่อตารางนิ้วเหมาะกับงานพิมพ์เน้นตัวหนังสือมาก รูปภาพน้อย ตัวหนังสือใหญ่และเด่นชัด เหมาะกับงานใบปลิวหรือแผ่นพับ
- ความละเอียด 300 dpi หมายถึง มีจำนวนจุดในการพิมพ์ 300 จุดต่อตารางนิ้วเหมาะกับงานพิมพ์รูปภาพจำนวนมาก ภาพพิมพ์ที่ได้มีความคมชัด สีสวยและให้รายละเอียดมากยิ่งขึ้นทำให้ภาพที่พิมพ์ออกมามีคุณภาพดีขึ้น เช่น โบรชัวร์สินค้า แค็ตตาล็อก โปสเตอร์ นิตยสารแผ่นพับรายการอาหารหรือสินค้าอื่น ๆ ที่เน้นรูปภาพสวยงามและงานสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
- ความละเอียด 350 dpi ขึ้นไป หมายถึง มีจำนวนจุดในการพิมพ์ 350 จุดต่อตารางนิ้วเหมาะสำหรับการออกแบบสิ่งพิมพ์ที่ต้องการความคมชัดในการแสดงผลสูงเช่น งานนิตยสาร โปสเตอร์ขนาดใหญ่ สมุดภาพ และสิ่งพิมพ์ที่มีความคมชัดสูง
การจัดเตรียมไฟล์งานที่มีจำนวนจุดในการพิมพ์ 300 จุดต่อตารางนิ้ว ได้รูปภาพที่สวยมีรายละเอียดดีเมื่อต้องการใช้งานในการพิมพ์ที่ขนาดต่างกัน สามารถเปลี่ยนค่า dpiระดับที่เหมาะสมได้
เกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการพิมพ์ชิ้นงานขนาดใหญ่ มีดังนี้ความละเอียด 70 dpi หรือน้อยกว่า เหมาะกับชิ้นงานขนาดใหญ่กว่า 300×500 เซนติเมตร
ความละเอียด 100 dpi เหมาะกับชิ้นงานขนาด 200×300 เซนติเมตร ไม่เกิน 300×500เซนติเมตร
ความละเอียด 150 dpi เหมาะกับชิ้นงานขนาด 100×100 เซนติเมตร ไม่เกิน 200×300เซนติเมตร
ความละเอียด 300 dpi เหมาะกับชิ้นงานขนาดต่ำกว่า 100×100 เซนติเมตร
10 ปัญหาของไฟล์ต้นฉบับ PDF ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในงานพิมพ์
การเตรียมไฟล์งานพิมพ์เพื่อให้ได้ชิ้นงานสวยตรงตามความต้องการไม่ว่าทางโรงพิมพ์ออกแบบให้ หรือลูกค้าออกแบบมาเองก่อนอื่นต้องตรวจสอบไฟล์ต้นฉบับ PDF ให้มีคุณภาพความละเอียดเหมาะสมสีไม่ผิดเพี้ยนเพื่อลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นหลังส่งไฟล์งานให้โรงพิมพ์ ปัญหาของไฟล์ PDF ที่พบบ่อยมีดังนี้
1.ปัญหาภาพความละเอียดต่ำ ต้องพิจารณาจากสาเหตุว่าเกิดจากภาพที่ใช้มีความละเอียดต่ำอยู่แล้วปรับแก้ไม่ได้ ควรเปลี่ยนภาพใหม่หรือส่งให้ผู้ออกแบบแก้ไขไฟล์งานหากปัญหาเกิดจากการแปลงไฟล์ที่ใช้เครื่องมือไม่ถูกต้องหรือกำหนดค่าไม่ถูกต้องทำให้ภาพความละเอียดสูงดั้งเดิมสูญเสียคุณภาพ ไม่คมชัดเหมือนต้นฉบับ
2.ปัญหาบีบอัดมากเกินไป ความละเอียดของภาพลดลง การบีบอัดภาพมีหลายวิธีถ้าเลือกไม่ถูกต้องหรือบีบอัดมาก มีขนาดเล็กลงและรายละเอียดของรูปภาพจะถูกลดลงไปด้วยตัดทอนคุณภาพไฟล์และสูญเสียความคมชัดไป
3.ปัญหาฟ้อนต์ไม่ฝังในไฟล์ PDF งานออกแบบที่ใช้ฟ้อนต์ลักษณะพิเศษซึ่งต้องติดตั้งเพิ่มจากค่าปกติ ควรฝังฟ้อนต์ไปกับเอกสารหรืองานอาร์ตเวิร์กเพื่อให้โรงพิมพ์เปิดเอกสารนั้นได้
ถ้าไม่แก้ไขให้เรียบร้อย ส่งโรงพิมพ์แล้วจะมีปัญหาเรื่องเครื่องไม่รองรับฟ้อนต์ไม่สามารถเห็นไฟล์ภาพ หรือฟ้อนต์กลายเป็นภาษาต่างดาว
4.ขนาดของหน้าไม่ถูกต้อง ต้องตั้งค่าขนาดของหน้างานที่ต้องพิมพ์ให้เหมาะสมคำนวณขนาดหลังการพับและเจียนขอบ โดยคำนวณจากขนาดกระดาษเป็นหลัก
5.Color Space ผิดพลาด อาจทำให้สีเพี้ยนไปไม่เหมือนหน้าจอ ภาพดูมืดหรือสว่างเกินไปสาเหตุเกิดจากไฟล์งานเป็น RGB และการแปลงค่าสี RGB ไปเป็น CMYK ไม่ถูกต้อง
หรือสีบางเฉดแปลงค่ามาอยู่ในระบบแม่สีแบบ CMYK ไม่ได้ ส่งผลให้สีของภาพผิดเพี้ยนไปควรกด “Ctrl” กับ “Y” เพื่อทดสอบสีก่อนส่งไฟล์งานให้ทางโรงพิมพ์
6.สีดำในงานพิมพ์ไม่เรียบ จะเห็นเป็นคลื่นหรือมีรอยด่าง ควรตรวจสอบค่าสี CMYK ของงานออกแบบถ้าค่าสีดำไม่เป็น 100% แสดงว่ามีสีอื่นเจือปนทำให้งานพิมพ์สีดำไม่สม่ำเสมอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้สีพื้นในการออกแบบงานพิมพ์ ยิ่งถ้าเป็นแผ่นพับสีพื้นตรงขอบงานมักจะแตกเป็นเนื้อกระดาษสีขาว
7. ข้อมูล Trim หรือ Bleed ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นงานพิมพ์แบบใดจะต้องแม่นยำในเรื่องการเผื่อระยะห่างของเส้นเจียน (Trim)และเส้นเผื่อเจียน (Bleed) เรียกว่าเพิ่มระยะตัดตกใช้ในการเจียนป้องกันความคลาดเคลื่อนช่วงตัดเจียนขอบชิ้นงานพิมพ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ป้องกันข้อความต่าง ๆ ถูกตัดขาดหายไป
8.ปัญหาลายเส้นไม่ขึ้น งานอาร์ตเวิร์กที่ลูกค้าออกแบบมาเองอาจใช้ลายเส้นขนาดเล็กหรือบางเกินไปจนทำให้สายเส้นที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นและไม่ปรากฏบนงานพิมพ์แนะนำให้ปรับลายเส้นมีขนาดใหญ่ขึ้น ลองทดสอบกับพริ้นเตอร์ดูก่อนว่าไม่มีปัญหา
9.ปัญหาโอเวอร์ปริ้นต์ หมายถึง การวางสีทับบนเลเยอร์สีอื่นโดยเฉพาะการวางเลเยอร์สีดำทับบนสีอื่น เวลาพิมพ์ออกมาแล้วสีจากด้านล่างอาจทะลุขึ้นมาด้านบน ทำให้งานพิมพ์ไม่เรียบร้อยวิธีแก้ไขคือปิดฟังก์ชั่นโอเวอร์ปริ้นต์ในไฟล์งานที่ออกแบบ
10. งานพิมพ์คนละครั้งสีต่างกัน สาเหตุเกิดจากลูกค้าส่งไฟล์งานใหม่ไม่ใช่ไฟล์เดิม หรือเซฟใหม่เป็นนามสกุลอื่นส่งผลให้ความละเอียดและคุณภาพของงานอาร์ตเวิร์กเปลี่ยนไปเทียบสีแล้วเห็นว่างานที่พิมพ์แต่ละครั้งสีเพี้ยนไปจากเดิมควรใช้ไฟล์เดิมที่ส่งให้โรงพิมพ์ครั้งแรก งานพิมพ์มีรายละเอียดมาก หากตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อน งานพิมพ์ออกมาสวยงาม มีคุณภาพ ไม่ต้องแก้ไขปัญหาให้ยุ่งยากในภายหลัง
เทคนิคการทำตลาดด้วยโฆษณาผ่าน Instagram
การโฆษณาด้วยวิธีการเล่าด้วยรูปผ่าน Instagram เดิมเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์รอบตัวและเหตุการณ์สำคัญเพื่อแบ่งปันกับผู้คนจำนวนมาก สร้างความเชื่อมต่อถึงกัน ถือเป็นช่องทางการโฆษณาที่มองข้ามไม่ได้ เพราะมีอิทธิพลดึงดูดกลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในสื่อโฆษณาหลัก หรือควักกระเป๋าจ่ายค่าโฆษณาต่อคลิกเหมือนกับเฟซบุ๊กการเปิดตัวโฆษณาบนอินสตาแกรมให้โดนใจกลุ่มเป้าหมายมี 3 เทคนิคหลัก ดังนี้
1.ภาพต้องสวย มีเรื่องราวน่าสนใจ การเล่าด้วยรูปภาพต้องเลือกรูปภาพที่สะดุดตาและมีเอกลักษณ์
ขณะเดียวกันเล่าเรื่องราวผ่านรูปเพื่อชักชวนให้เกิดผลลัพธ์ตามต้องการ เช่น ช่วยให้แบรนด์เป็นที่จดจำมากขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือในแบรนด์ กระตุ้นความต้องการเพื่อเพิ่มยอดขาย หรือเสนอประสบการณ์ผ่านภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคอยากลองและอยากมีส่วนร่วม
2.แคปชันต้องโดน การคิดแคปชันเป็นการโฆษณาโดยตรง
ไม่ต่างจากสโลแกนของสินค้าที่ฟังแล้วยังติดหูมาถึงทุกวันนี้
เป็นคำกระชับและบอกเล่าเรื่องราวในตัว เช่น “โตชิบา นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” สร้างภาพบวกให้สินค้าอย่างมาก หรือ "คู่รัก คู่รส คอฟฟี่เมท" ทำให้แบรนด์โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งตลอดมา ลองคิดหาคำที่เหมาะกับแบรนด์มากที่สุด
พร้อมกับใส่แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการใต้ภาพทุกครั้ง
3.ความถี่พอเหมาะ การโพสต์ภาพลงอินสตาแกรมมีความสม่ำเสมอ
เว้นระยะ 2-3 วัน ถือว่าไม่บ่อยเกินไป เพื่อไม่ให้ผู้ติดตามรู้สึกรำคาญ
โพสต์ลงในช่วงเวลาที่คนมีความสนใจและมีเวลาดู เช่น หลังเลิกงานสามารถเชื่อมต่ออินสตาแกรมกับสื่อสังคมอื่น ๆ เช่น Facebook และ Twitter ช่วยให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้นสิ่งสำคัญคือรูปภาพหรือคอนเทนต์ต้องมีความคิดสร้างสรรค์หรือเป็นเรื่องราวที่อยู่ในกระแส จะดึงดูดความสนใจคนจำนวนมากให้เข้ามารู้จัก
ติดตาม เป็นจังหวะทำการตลาดส่งเสริมยอดขายให้เพิ่มขึ้น
ประโยชน์การใช้งาน plastic card กับการตลาดออนไลน์
นอกจากบัตรประชาชนในกระเป๋าสตางค์แล้ว คุณพกบัตรอะไรอีกบ้าง บางคนเปิดกระเป๋าแล้วเห็นมีบัตรพลาสติกการ์ดหรือบัตรสมาชิกเต็มไปหมด ทุกวันนี้นิยมใช้งานอย่างแพร่หลายและใช้ในกิจกรรมประจำวันมากมายตั้งแต่บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต บัตรสมาชิกร้านอาหาร บัตรสมาชิกฟิตเนส บัตรสแกนเข้าบ้าน บัตรสะสมแต้ม บัตรของขวัญ ไปจนถึงบัตรส่วนลดต่างๆเพราะการสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ทางการตลาด
โดยเฉพาะการตลาดออนไลน์ที่เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะและประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างมาก
หากธุรกิจหรือองค์กรจัดทำบัตรพลาสติกคุณภาพสูงจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแบรนด์
กลายเป็นโฆษกแบรนด์ของตนไปในตัว และเรียกความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือบัตรมากขึ้นบัตรพลาสติกการ์ดเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มั่นคง
เพราะลูกค้าให้ความไว้วางใจ ลูกค้าพอใจกับการถือบัตรที่เหมือนตนเป็นคนสำคัญและได้รับสิทธิประโยชน์มากมายแน่นอนว่าได้รับความสะดวกสบาย ง่าย และรวดเร็ว เพียงยื่นบัตรใบเดียวเข้าถึงข้อมูลและความต้องการได้ทันทีโดยไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเพราะบัตรสมาชิกเหล่านี้เก็บข้อมูลของลูกค้าไว้ทั้งหมด สามารถอำนวยความสะดวกและยกระดับการบริการที่เหนือมาตรฐานสร้างความประทับใจทำให้ลูกค้าเกิดความผูกพันกับแบรนด์ ซึ่งจะดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำ หรือใช้บริการซ้ำ
ปัจจุบันการทำตลาดกลายเป็นรูปแบบดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ บัตรสะสมคะแนนหรือบัตรของขวัญถือเป็นการส่งเสริมการขายรูปแบบหนึ่งที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักมากที่สุด ซึ่งจะสมบูรณ์แบบมากที่สุดหากเจ้าของธุรกิจโปรโมทการตลาดออนไลน์ควบคู่ไปด้วยกัน โดยใช้กลยุทธ์ลดแจกแถมเป็นรางวัลกระตุ้นแรงจูงใจเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคสมัยนี้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การช้อปปิงออนไลน์
ที่ต้องใช้ร่วมกับบัตรสมาชิกเท่านั้นจึงจะมีเทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น ช่องทางชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
เมื่อผนวกกับช่องทางการโปรโมทสินค้าหรือบริการของแบรนด์ จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ทำให้กลับมาซื้ออีกครั้ง เท่ากับส่งเสริมยอดขายและรายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการยุคใหม่ควรให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมสมาร์ทการ์ด สอดแทรกกับบัตรสมาชิก ผสานเทคโนโลยี
และการตลาดออนไลน์มาผสานกันขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น ต้องเข้าใจถึงประโยชน์ของการใช้เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม และสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ เป็นช่องทางโปรโมทขายทางออนไลน์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่ชอบสินค้าที่จัดรายการโปรโมชั่น เช่น เสนอส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป
ลูกค้าไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก เพียงกลับมาซื้อซ้ำและยื่นบัตรสมาชิกพร้อมกับการชำระ
ระบบข้อมูลจะตัดส่วนลดให้ทันที สัมผัสความรู้สึกของการเป็นวีไอพีเป็นสิ่งสำคัญที่จะกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า
บัตรพลาสติกออกแบบได้หลากหลายตามความต้องการ มีลักษณะแตกต่างกันทั้งวัสดุ ขนาด ความหนา สีและลวดลาย ตลอดจนเทคโนโลยีที่มีการฝังชิปคอมพิวเตอร์ไปจนถึงแบบแถบแม่เหล็ก ผลิตโดยช่างที่ชำนาญงานจะใช้เครื่องพิมพ์เทคโนโลยีขั้นสูงพิมพ์บัตรพลาสติกที่มีคุณภาพอย่างมืออาชีพต้นทุนการทำบัตรต่อใบต่ำมาก บัตรที่ได้มาตรฐานย่อมสะท้อนถึงความตั้งใจที่จะให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า
ถือเป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมทั้งภาพลักษณ์และผลกำไรให้ธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี
5 รูปแบบโบรชัวร์ เลือกแบบไหนให้เข้ากับธุรกิจ
การออกแบบแผ่นพับหรือโบรชัวร์เป็นประโยชน์กับธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ที่ต้องการโฆษณาแนะนำสินค้าหรือบริการเพื่อเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายในวงกว้าง รวดเร็ว ในระยะเวลาสั้น ๆแผ่นโฆษณาที่มีคุณภาพใส่รูปภาพ ราคา และรายละเอียดที่เหมาะสมกับสินค้าและแบรนด์จึงจะเป็นการทำตลาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในแง่การโฆษณาขั้นตอนการออกแบบถือเป็นเรื่องสำคัญ “โบรชัวร์ถูกใจ อาจไม่ถูกต้อง”ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีกับธุรกิจของคุณ แนะนำวิธีการเลือกรูปแบบโบรชัวร์ให้เข้ากับธุรกิจ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
1.ร้านอาหาร
โบรชัวร์เมนูอาหารแบบพับเหมาะสำหรับรายการอาหารไม่มาก ควรออกแบบเป็นแผ่นพับ 2 ตอนและ 3 ตอนง่ายต่อการจัดวางบนโต๊ะสำหรับสั่งอาหารนั่งรับประทานในร้านหรือสั่งกลับบ้านแนะนำให้เลือกขนาดตามมาตรฐานของโบรชัวร์ทั่วไป ได้แก่ 8.5 x 14 นิ้ว และ 11 x 17 นิ้วมีความหนาตั้งแต่ 210 แกรมขึ้นไป เพื่อให้จัดวางข้อมูลอยู่ในกระดาษ 2 หน้าได้ และใช้เทคนิคพิเศษเคลือบเงา หรือ เคลือบด้าน
2.บัตรเชิญ
ทุกวันนี้บัตรเชิญนิยมใช้แบบแผ่นพับ 2 ตอนและ 3 ตอน เหมาะสมกับข้อความและรายละเอียดที่ชัดเจนครบถ้วนบนกระดาษแผ่นเดียว ดีไซน์โดดเด่นกว่าบัตรเชิญทั่วไป เลือกขนาดตามมาตรฐาน คือ 8.5 x 5.5 ซม. และ 8.5 x 11.5 ซม.
3.โบรชัวร์รายการสินค้า
มีทั้งแบบแผ่นพับแนะนำสินค้าใช้พิมพ์ภาพข้อความและเนื้อหาโฆษณา รูปแบบของแผ่นพับนิยมใช้ขนาดมาตรฐานเช่น ขนาด A4 ขึ้นอยู่กับงบประมาณ มีขนาดเล็กหยิบถือได้สะดวก ถ้ามีต้นทุนมากอาจทำโบรชัวร์หลายหน้าและเย็บติดเป็นรูปเล่ม ก่อให้เกิดภาพพจน์ที่ดีต่อสินค้าหรือบริการ
4.แผ่นพับประวัติส่วนตัว
โบรชัวร์แบบแผ่นพับสำหรับ resume ใช้ในการแนะนำประวัติส่วนตัว เป็นประโยชน์สำหรับคนหางานที่ช่วยให้ประสบการณ์ชีวิตและการทำงานโดดเด่นแผ่นพับมีขนาดกระชับและเขียนได้ใจความ ไม่จำเป็นต้องทำรายการให้เยิ่นเย้อ สร้างความประทับใจได้มากกว่าผู้สมัครคนอื่น
5.แผนที่
โดยส่วนใหญ่แผนที่มีลักษณะเป็นโบรชัวร์แผ่นพับเพราะพับเก็บได้ พกพาง่าย ใช้งานสะดวกหากคุณออกแบบโบรชัวร์ได้สวยงามและให้ข้อมูลที่กระจ่างชัดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สินค้า จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจอย่างมากโดยเฉพาะเทมเพลตที่มีคุณภาพจะใช้งานได้คุ้มค่า เพราะนำไปต่อยอดประยุกต์ใช้กับงานโฆษณาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะมาได้อีกมากมาย
โบรชัวร์ แผ่นพับ ใบปลิว ลีฟเล็ท ต่างกัน จะอธิบายลูกค้ายังไง
สื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการโฆษณาหรือส่งเสริมการขายมีหลายรูปแบบร้านค้าและธุรกิจต้องมีความเข้าใจลักษณะของตัวสื่อแต่ละประเภทก่อนจึงจะเลือกลักษณะของแผ่นโฆษณาที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มีประสิทธิภาพหากลูกค้ายังไม่มีแบบงานพิมพ์มาเอง โดยปกติแล้วโรงพิมพ์รับบริการออกแบบให้ไม่ว่าจะเป็นโบรชัวร์ ใบปลิว แผ่นพับ แค็ตตาล็อก หรืองานพิมพ์อื่น ๆสามารถแนะนำให้ลูกค้าเข้าใจคุณสมบัติของงานพิมพ์รูปแบบที่เหมาะกับธุรกิจและความต้องการของลูกค้ามากที่สุด อาจจะอธิบายความแตกต่างได้ดังนี้
1.โบรชัวร์ เหมาะสำหรับการพิมพ์แผ่นพับ แค็ตตาล็อกสินค้า เมนูร้านอาหารประชาสัมพันธ์ธุรกิจ โปรโมชั่น ส่วนลด และเชิญไปงานอีเวนท์มีหลายรูปแบบและใช้ประโยชน์ได้มากมาย ลักษณะเด่นของโบรชัวร์คือดีไซน์ที่สวยงามเลือกใช้รูปภาพที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะหน้าปกที่ออกแบบสะดุดตาเพื่อกระตุ้นให้เปิดดูข้อมูลข้างในควรเขียนเนื้อหากระชับแต่ให้รายละเอียดมากเพียงพอ นิยมใช้กระดาษขนาด A5, A4 และ A3ทำได้ทั้งแบบแผ่นพับและแค็ตตาล็อกเย็บเล่มหลายหน้ากระดาษที่ใช้ในการพิมพ์งานโบรชัวร์มีตั้งแต่กระดาษอาร์ตมัน/ด้านขนาด 85-160 แกรมหรือกระดาษอาร์ตการ์ด 190 แกรม มีลักษณะแข็งและหนา
2.แผ่นพับ เหมาะสำหรับงานพิมพ์เมนูอาหาร โครงการบ้านจัดสรร โฆษณาการท่องเที่ยวและแผ่นพับวิชาการต่าง ๆ เนื้อหาของแผ่นพับมีรายละเอียดน้อยกว่าโบรชัวร์มากกว่าใบปลิวเช่น แผ่นพับของร้านอาหาร มีรายชื่อเมนู รูปภาพ ราคา เบอร์โทรสั่งเดลิเวอรี่ และรายละเอียดอื่น ๆ นิยมใช้กระดาษขนาด A4 แบบ 2 พับ 3 ตอน หรือเลือกขนาดอื่นตามต้องการตั้งแต่ A2, A3, A5 และ A6 หรือระหว่าง 4.125 x 5.75 นิ้ว ถึง 17 x 23.5 นิ้ว เมื่อกางออกเต็มที่ ใช้กระดาษปอนด์ 80 แกรมขึ้นไป กระดาษอาร์ตมัน/ด้าน 90 แกรมขึ้นไป สำหรับกระดาษอาร์ต ไม่ต่ำกว่า 128 แกรมขึ้นไป ใช้เพื่อให้กระดาษคงรูป ไม่ม้วนตัว เทคนิคการพิมพ์แผ่นพับ 1-4 สี พิมพ์หน้าเดียวหรือสองหน้า แล้วแต่การออกแบบและความต้องการ แต่ปริมาณการผลิตไม่มากเท่าใบปลิว ส่วนใหญ่จะวางแจกตามจุดต่าง ๆ ที่เหมาะสม
3.ใบปลิว เหมาะสำหรับการโฆษณาเผยแพร่ข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรง นิยมพิมพ์แจกผู้ที่มาขอข้อมูล ลักษณะเด่นของใบปลิวคือเป็นแผ่นเรียบ ขนาดเล็ก หยิบถือสะดวก เก็บรวบรวมข้อมูลมาก มักใช้กระดาษขนาดมาตรฐาน ประมาณ A5 และ A4 พิมพ์สีเดียวหรือหลายสี กำหนดรูปแบบ ขนาด และจำนวนพิมพ์ได้ตามความต้องการและงบประมาณของเจ้าของงาน ใช้กระดาษปอนด์ 80 แกรมขึ้นไป หรือกระดาษอาร์ตมัน/ด้าน 90 แกรมขึ้นไป ใบปลิวนิยมผลิตจำนวนมากสำหรับแจกผู้คนทั่วไป สอบถามราคาประเมินได้จากโรงพิมพ์
4.ลีฟเล็ท (Leaflet) ลักษณะการใช้งานอยู่ระหว่างแผ่นพับและใบปลิว มีขนาดมาตรฐานประมาณ A4มักทำเป็นรูปแบบแผ่นพับ มีรูปภาพประกอบและเนื้อความประมาณ 2 หน้าขึ้นไปซึ่งมากกว่าใบปลิว นิยมใช้ในการโฆษณาส่งเสริมการขาย แนะนำสินค้า บริการประกาศรับสมัครงานและกิจกรรมเชิญชวนที่มีเป้าหมาย เพื่อการโฆษณาหรือเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
การโฆษณา เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความสำคัญ การใช้ประโยชน์จากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่หลายช่องทางในปัจจุบันไปยังสาธารณะเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถรับข้อมูลข่าวสารของสินค้าและบริการชนิดนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง อีกทั้งการโฆษณาในรูปแบบต่างๆ ยังมีส่วนต่อการตัดสินใจบริโภคผลิตภัณฑ์ของลูกค้า
1.คำขึ้นต้น คำเชิญชวนหรือ Keyword
การจูงใจ ความหมายที่สำคัญในการโฆษณาคือข้อความ ในการโฆษณานั้นเราต้องใช้คำที่ลูกค้าสามารถแปลความหมายได้ใน 1 บรรทัด สามารถรู้ได้ว่าข้อความนี้สื่อถึงอะไร เช่น สุดช็อก!หั่นราคาท้าโควิท สั่งใบปลิวลดเหลือครึ่งราคา! ทำให้เราทราบถึงในการบอกถึงโปรโมชั่นนี้ คือลดราคาใบปลิวนี้ลดราคา50% ข้อความคำเชิญชวนเปรียบเสมือนประตูด่านแรกที่จะนำไปสู่การเปิดหน้าถัดไปในการขายสินค้า
2. รูปภาพต้องตาสะดุดใจ
ในการโฆษณานั้น รูปภาพต้องสะดุดมากขนาดไหน? เราต้องรู้ถึงกลุ่มเป้าหมายว่าเราขายสินค้าให้กับใคร ชอบรูปแบบประมาณไหน หรือทำAds. โฆษณาแบบภาพถ่ายสินค้า โปรโมชั่น หรือการใช้ Infographic ต้องอย่าลืมที่จะหาข้อมูลนั้นๆมาใช้ ในคัดเลือกรูปภาพ เพราะจะทำให้รับความตื่นตาตื่นตาใจ ให้ลูกค้าสดุดที่จะต้องการเข้าถึงสินค้าของเราเพื่อใช้ในการนำเสนอช่องทางในการโฆษณาอีกรูปแบบหนึ่ง
3.สร้าง Content ให้น่าสนใจด้วย Video อยากทำให้การโฆษณาดูสนุก น่าสนใจมากขึ้น ลองทำ Content โดยทำวีดีโอขึ้นมาง่ายๆ เพราะกระแส Video กำลังเป็นที่นิยมสำหรับลูกค้า สร้างความเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นในเว็บไซต์ facebook เป็นต้น เป็นการดึงดูดความน่าสนใจได้เสมอและ โดยฉะเพราะอย่างยิ่ง ยิ่งคุณมีการใส่ใจรายละเอียดใน content มากเท่าไหร่ วิดิโอก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น
4. สร้างความความน่าสนใจเพื่อให้เกิดความจดจำแบรนด์ไม่ได้มีแค่โลโก้การจดจำของกลุ่มเป้าหมายให้เกิดความสนใจและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครไม่ใช่แค่เพียงโลโก้เท่านั้น การใช้มาสคอตก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายจดจำแบรนด์ของคุณ เลือกแบรนด์ของคุณ เช่น www.bookandbox มีมาชคอตน้องกะทิ เพื่อให้ลูกค้าจดจำได้ว่าน้องลิงรับทำใบปลิว แผ่นพับ เพื่อให้ลูกค้าจดจำและติดต่อสั่งสินค้าเราได้ง่ายขึ้น เป็นต้น
5.การจัดแคมเปญและโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
เข้าถึงลูกค้าด้วยแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดีย
ผู้คนส่วนมากมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากเป็น 80% ทำให้ โซเชียลมีเดียกลายเป็น เครื่องมือสำคัญของนักการตลาด สินค้าและแบรนด์ต่างๆ ตลาดจนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เราจึงแนะนำการเลือกเครื่องมือการโปรโมทโมษณาสินค้า
Facebook
เริ่มที่ Facebook ที่ยังครองตำแหน่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่นิยมอันดับหนึ่งของประเทศ จึงเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญ
ของนักการตลาด เอสเอ็มอี พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ในการใช้ฟีเจอร์ Group,Page,Marketplace คือ เป็นฟีเจอร์ในการที่จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ การโปรโมท สามารถลองเข้าไปเป็นสมาชิกเพื่อเก็บข้อมูลใน Group Page ต่างๆ เพื่อดูบทสนทนา ที่จะทำให้เห็นถึงความสนใจของผู้บริโภคช่วยสั่งซื้อของได้ง่ายขึ้น
Line Official Account
Line @ เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการนิยมใช้เพราะสามารถทำการ Broadcast ส่งข้อความ ทำโพล หรือจะส่งคูปองทำโปรโมชั่นก็ได้ การส่งรูปโปรโมชั่นสินค้าหรือบริการไปหาลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าคลิกตรงรูปภาพเพื่อไปที่หน้า Landing Page บนเว็บไซต์ของธุรกิจ และที่สำคัญการนำเสนอสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคต้องการบริโภคสินค้าที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตนเองได้มากที่สุดนั้น LINE ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้แบรนด์หรือร้านค้าสามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตนเองได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
Instagram
สำหรับ Instagram หรือ IG คือแพลตฟอร์มที่โดดเด่นเรื่องการแชร์ “รูปภาพ” สวยงาม มีหลายธุรกิจที่สามารถใช้ IG เป็นเครื่องมือการสื่อสารโฆษณาแบรนด์ได้ดี จากการเข้าใจอินไซต์ลูกค้าที่ชอบถ่ายรูปโชว์ใน IG ผู้ประกอบการสามารถใช้เครื่องมือนี้ในการนำเสนอการบริการและผลิตภัณฑ์ดี ๆ สู่สายตาชาวเน็ต ใช้เป็นหน้าร้านหรือใช้เป็นพื้นที่การตลาด Digital Marketing ก็ได้ บนเป้าหมายหลัก คือ สร้างแรงบันดาลใจ จากภาพสวย ๆ คลิปวิดีโอสวยงาม เพื่อความตื่นตาตื่นใจในการเข้าถึงสินค้านั้นๆ ฟีเจอร์ IG Stories เป็นเครื่องมือตลาดช่วยกระตุ้นการขายแบบด่วนได้ดี เหมาะกับกลยุทธ์ “โปรร้อนแรง,โปรจัดหนัก,flashsale ,9.9ลดวันเดียว ” เป็นต้น จำกัดเวลาให้ต้องตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดีทีเดียว
Twitter
โซเชียลมีเดียที่เติบโตเร็วทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย กล่าวถึง “กระแส” ติดเทรน ติดอันดับ ปัจจุบัน Twitter เป็นผู้นำด้านการสื่อสารที่เร็วที่สุด ที่เห็นได้ชัดในที่นี้คือ การรีวิวสินค้า การใช้การสื่อสารที่มีการกล่าวถึงบนโลกออนไลน์ จะทำให้สินค้าหรือบริการของเราเป็นที่กล่าวขานมากขึ้นเพราะความเป็น “กระแส” เกิดขึ้น ทำให้ลูกค้าเห็นถึงความน่าเชื่อถือในสินค้านั้นๆ สิ่งสำคัญของการใช้ Twitterคือการใช้ # Hashtag การสื่อสารบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ คือความ Real และเร็วมาก
YouTube
หากต้องการดูวิดิโอสักเรื่อง แพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์คงหนีไม่พ้น Youtube สำหรับการนำเสนอผ่านข้อความ รูปภาพ แล้วเราจะกล่าวถึงการนำเสนอผ่านวิดิโอกันบ้าง สงสัยกันมั้ยว่าเราสามารถนำเสนอสินค้าเราผ่านYoutube ได้อย่างไร ที่กล่าวถึงไม่ใช่หมายความถึงทำวิดิโอเป็นเรื่องๆ แต่เราจะใช่ประโยชน์จากวิดิโอเรื่องนั้นๆเป็นการโฆษณา เช่น การที่เราดูวิดิโอก่อนจะเข้าจะมีโมฆณาขั้น นั่นแหละคือการใช้Youtube ในการนำเสนอสินค้าและบริการ
Tiktok
โดยปกติคนเราสามารถจดจำเรื่องราวเรื่องสนใจที่ดูผ่านโซเชียลมีเดียเฉลี่ยประมาณ 8 วิ 12 วิ ซึ่ง Tiktok สามารถสร้างวิดิโอได้ในระยะเวลา 14 วิ เป็นเวลาเหมาะสมในการให้ความสนใจ ความสามารถในการโฆษณาสินค้าสามารถทำได้โดยสร้างวิดิโอได้ 14 วินาที สร้างคอนเทนส์ที่ดึงดูด เพื่อเป้นช่องทางในการนำเมนอสินค้าเพื่อใช้ต่อยอดต่อไป เช่น วิดิโอมีการพูดถึงสินค้า ถ้าลูกค้ามีความสนใจจะสามารถนำไปสู่การค้นหาสินค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยเสริมแพลตฟอร์มหลักอีกช่องทางหนึ่ง ที่เหมือนเป็นโฆษณาแต่ไม่ใช่การโฆษณา กล่าวคือTiktok เป็นเรื่องราวให้ผู้ชมได้เพลิดเพลินและติดตามเป็นการบอกเล่าเรื่องราวนั้นๆผ่านวิดิโอ14วินาทีให้ลูกค้าสนใจสินค้าเองมากกว่า
สั่งพิมพ์แบบรวมเพลต-แยกเพลต ต่างกันอย่างไร
ขั้นตอนการผลิตงานพิมพ์โดยใช้เพลตมีราคาต้นทุนการผลิตสูงจะคุ้มต่อเมื่อพิมพ์งานปริมาณมาก ข้อดีคือชิ้นงานมีคุณภาพมาก ความละเอียดสูงตอบโจทย์งานพิมพ์ที่มีรายละเอียดและความซับซ้อนได้ดี แม้แต่งานดีไซน์ตัวอักษรที่เล็กเกินไปก็ยังพิมพ์สีที่สามารถอ่านได้ง่ายและชัดเจน โดยทั่วไปโรงพิมพ์มีตัวเลือกให้ 2 รูปแบบได้แก่ การพิมพ์แบบรวมเพลต และการพิมพ์แบบแยกเพลต ทั้งสองแบบมีข้อแตกต่างกันดังนี้
1. การพิมพ์แบบรวมเพลต หมายถึง การนำงานพิมพ์ทั้งหมดมาเรียงบนเพลตเดียวให้เต็มก่อนทำการพิมพ์ทุกสีออกมาในคราวเดียว ผลิตงานพิมพ์ออกมาอย่างรวดเร็วและสีสันสวยงามชัดเจนอีกด้วย ยิ่งสั่งยอดพิมพ์จำนวนมากเท่าไร ราคาต้นทุนยิ่งถูกลงเนื่องจากมีการทำเพลตเพียงครั้งเดียว เหมาะกับการสั่งพิมพ์งานประเภทนามบัตร การ์ดแต่งงานโบรชัวร์ แผ่นพับ และใบปลิว ที่ไม่ต้องการความละเอียดมากนัก แต่ช่วยให้ชิ้นงานดูประณีตและหรูหราขึ้นมาทันที
2. การพิมพ์แบบแยกเพลต มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการพิมพ์แบบรวมเพลต หากลูกค้าต้องการพิมพ์งานแบบ 4 สีผลิตเพลตแม่พิมพ์แยกสีจำนวน 4 อัน สำหรับการพิมพ์แต่ละสี เป็นการพิมพ์ที่มีคุณภาพสูงและได้รับความนิยมอยู่เสมอการแยกเพลตจะช่วยให้ควบคุมสีสันบนงานพิมพ์ได้ดี โดยการปรับตำแหน่งของแม่พิมพ์และกระดาษให้ลงในตำแหน่งที่ตรงกัน เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดและสีไม่เหลื่อมออกมา เหมาะกับงานพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพ มีความละเอียดมาก สีสด คมชัด สวยงาม งานพิมพ์ออกมาถูกต้องตรงตามสเปกอาร์ตเวิร์คที่ออกแบบไว้ทุกอย่าง เหมาะกับชิ้นงานหลายประเภท โดยเฉพาะงานพิมพ์ที่ต้องการความคมชัดสูง เช่น หนังสือ นิตยสาร วารสาร แค็ตตาล็อก รวมไปถึงงานประเภทโบรชัวร์ แผ่นพับ ใบปลิว บรรจุภัณฑ์กระดาษ
การเลือกงานพิมพ์แต่ละรูปแบบ ควรตัดสินใจเลือกให้เหมาะกับงานพิมพ์แต่ละประเภท เพื่อให้ควบคุมค่าใช้จ่ายได้อยู่หมัด แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของลูกค้าด้วย
พิมพ์บนวัสดุอะไรได้บ้างนอกจากกระดาษ
โดยปกติโรงพิมพ์บริการรับพิมพ์งานบนวัสดุกระดาษเป็นหลัก ผลิตงานพิมพ์ที่มีคุณภาพสูงอย่างรวดเร็วแม่นยำและตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ไม่ว่าลูกค้าจะต้องการพิมพ์งานบนกระดาษปอนด์ กระดาษอาร์ต การ์ด กระดาษปรู๊ฟ กระดาษกล่อง นามบัตร แผ่นพับ ใบปลิว หนังสือ หรือแผ่นสติ๊กเกอร์กระดาษส่วนเครื่องพิมพ์หน้ากว้างรองรับการพิมพ์ภาพโปสเตอร์ ป้ายโฆษณา วอลเปเปอร์สำหรับใช้ภายในอาคารและงานกลางแจ้งทุกวันนี้มีเทคโนโลยีระบบการพิมพ์ให้เลือกหลายแบบทำให้พิมพ์งานบนวัสดุได้หลากหลายขึ้น
การพิมพ์ออฟเซตเป็นเทคนิคที่นิยมใช้กัน เพราะผลิตงานพิมพ์มีคุณภาพสูงสามารถพิมพ์งานตั้งแต่ 1 สี ถึง 5 สี ใช้พิมพ์งานเอกสารทั่วไป เช่น หนังสือ วารสาร นิตยสาร แค็ตตาล็อก โบรชัวร์ แผ่นพับ ใบปลิว เรียกว่าเป็นระบบการพิมพ์สำหรับกระดาษ การพิมพ์ซิลค์สกรีน เป็นหลักการพิมพ์แบบพื้นฉลุ สามารถพิมพ์ลงบนวัสดุหลายชนิด ทั้งกระดาษ ผ้า ไม้พลาสติก โลหะ เหมาะกับการพิมพ์นามบัตร ป้ายกระดาษ ป้ายโฆษณา เสื้อ ผืนผ้า ถุงและซองพลาสติกโดยเฉพาะการพิมพ์บนวัสดุที่มีผิวโค้ง เช่น ขวด จานชาม ชิ้นส่วนอุปกรณ์ และบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ตามความต้องการของลูกค้าการพิมพ์กราวัวร์ เป็นแม่พิมพ์แบบกัดผิวเป็นร่องลึกเพื่อเก็บหมึกและปล่อยลงบนวัสดุเพื่อพิมพ์งานออกมานิยมออกแม่พิมพ์เป็นลูกกลิ้ง ใช้งานยากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแม่พิมพ์แบบอื่น และมีต้นทุนสูงด้วยเหมาะกับการพิมพ์บนวัสดุหลายชนิดและสั่งยอดพิมพ์ปริมาณมากเป็นงานออเดอร์ยาว ๆ ถึงจะคุ้มทุนนิยมพิมพ์บนซองพลาสติกและวัสดุพลาสติกต่าง ๆ ตลอดจนการพิมพ์บนกระดาษ หนังสือพิมพ์ นิตยสารที่มีการผลิตจำนวนมาก การพิมพ์แพดเป็นการพิมพ์อีกชนิดที่ใช้บนวัสดุหลายชนิด ตัวแม่พิมพ์เป็นยางนิ่มแกะร่องลึกใช้กดทับบชิ้นงานสามารถใช้พิมพ์ข้อความและลวดลายบนมีพื้นผิวรูปทรงต่าง ๆ เนื่องจากเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่หลายรุ่นไม่เน้นพิมพ์ตรงลงบนวัสดุผิวเรียบเท่านั้น สามารถประยุกต์ใช้พิมพ์บนวัสดุหลายอย่างที่เรานึกไม่ถึง เช่น พิมพ์ลายบนไฟแช๊ค แผ่นกระเบื้อง กระจก แผ่นรองเม้าส์ เคสโทรศัพท์มือถือ แฟลชไดรฟ์ นามบัตรอะลูมิเนียม สายนาฬิกา สายเข็มขัด สายรัดข้อมือผู้ป่วย หนัง ผ้าใบ โฟม แล้วแต่ว่าลูกค้าต้องการสั่งพิมพ์ข้อความหรือรูปภาพบนวัสดุชนิดใด ทางโรงพิมพ์ที่ให้บริการงานพิมพ์บนวัสดุแปลก ๆ ยึดเป็นจุดขายของธุรกิจได้ดี สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและแตกไลน์บริการออกไปได้มากเป็นการสร้างรายได้เพิ่มได้อีกทางหนึ่งด้วย ทางด้านลูกค้าจะได้ประโยชน์เนื่องจากได้ไอเดียใหม่ ๆ ในการผลิตงานพิมพ์ที่ไม่เหมือนใคร ไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษในการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างเดียว สามารถออกแบบลวดลายและพิมพ์โลโก้บนสายรัดข้อมือหมวกโฟม อุปกรณ์เชียร์กีฬา กระเป๋าเป้ ซองใส่ดินสอ ซองกันน้ำโทรศัพท์ แฟ้มเอกสาร พวงกุญแจที่ระลึก พัดพลาสติก จานรองแก้ว แม่เหล็กติดตู้เย็น และสินค้าพรีเมี่ยมอีกหลายประเภท เพื่อการโปรโมทธุรกิจ โฆษณาแบรนด์สินค้า การจัดโปรโมชั่นของแถม หรือของสมนาคุณมอบให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาลและวาระต่าง ๆ